เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 รัฐสมาชิกสหประชาชาติ (UN) กว่า 170 ประเทศได้ลงมติเห็นชอบให้มีการร่างสนธิสัญญาหยุดใช้พลาสติกฉบับแรกของโลก โดยสนธิสัญญาฉบับนี้จะมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อโลกทั้งระบบ
สนธิสัญญาหยุดใช้พลาสติกฉบับนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 โดยเนื้อหาหลักของสนธิสัญญาจะครอบคลุมถึงประเด็นสำคัญ ดังนี้
- การลดการผลิตและการใช้พลาสติก
- การรวบรวมและรีไซเคิลพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ
- การกำจัดพลาสติกอย่างเหมาะสม
- การสนับสนุนการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับพลาสติก
การผลักดันสนธิสัญญาหยุดใช้พลาสติกฉบับแรกของโลก ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการแก้ปัญหามลพิษพลาสติก ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงที่สุดในปัจจุบัน สนธิสัญญาฉบับนี้จะช่วยสร้างมาตรฐานสากลในการลดปริมาณขยะพลาสติก และกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการจัดการพลาสติกอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคบางประการที่อาจทำให้การเจรจาสนธิสัญญาหยุดใช้พลาสติกฉบับนี้ล่าช้าหรือล้มเหลวได้ อุปสรรคเหล่านี้ ได้แก่
- ความขัดแย้งระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา
- ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของสนธิสัญญา
- ความยากลำบากในการบังคับใช้สนธิสัญญา
แม้จะมีอุปสรรคเหล่านี้ แต่การผลักดันสนธิสัญญาหยุดใช้พลาสติกฉบับแรกของโลกถือเป็นความพยายามที่สำคัญในการแก้ไขปัญหามลพิษพลาสติก ซึ่งหากประสบความสำเร็จได้ ก็จะเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมของโลก